สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2561 คุณอดุลย์ โคลนพันธ์ และแกนนำเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนร่วมใจโนนค้อทุ่งได้มาเข้าพบรศ.จุฑาทิพย์ ภัทราวาท เพื่อมารายงานความก้าวหน้าของเครือข่ายฯ ตั้งแต่อาจารย์ได้ลงพื้นที่และจัดประชุมร่วมกับคณะกรรมการฯและเกษตรกรสมาชิกเมื่อวันที่ 5-6 มีนาคม 2561 ซึ่งมีข้อสรุปจากเวทีว่าเราน่าจะประกาศเป็นเมืองเกษตรอินทรีย์ หลังจากวันนั้นทางกลุ่มฯได้ประสานกับหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายเพื่อเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการประกาศเจตนารมณ์ในครั้งนี้ และถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มาเรียนเชิญอาจารย์ด้วยตนเอง ในฐานะสถาบันวิชาการด้านสหกรณ์เป็นหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนในเชิงวิชาการมาโดยตลอด และจักได้มีโอกาสเรียนเชิญอาจารย์ร่วมเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสู่การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่ยั่งยืน

เนื่องด้วยปี 2562 อำเภอหัวตะพานภายใต้คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในประเด็น “การส่งเสริมพัฒนาทาการเกษตรในรูปแบบเกษตรอินทรีย์” เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรในอำเภอหัวตะพานปรับวิถีการทาการเกษตรที่ปลอดสารเคมี ด้วยการลด ละ เลิกการใช้สารเคมีต่างๆในการทำการเกษตรกรรม การปศุสัตว์ และการปลูกพืชผักสวนครัวต่างๆ และเพื่อที่ก้าวสู่ “อำเภอหัวตะพานเมืองเกษตรอินทรีย์” และเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม อำเภอหัวตะพานจึงประสานความร่วมมือจากหน่วยงานราชการองค์กรและภาคีเครือข่ายต่างๆ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ “อำเภอหัวตะพานเมืองเกษตรอินทรีย์” โดยมี นายวิรัตน์ กลิ่นขจร

นายอำเภอหัวตะพาน เป็นประธาน รศ.จุฑาทิพย์ ภัทราวาท ผู้อำนวยการสถาบันวิชาการด้านสหกรณ์ คุณอรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการโรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ และทีมงาน คุณสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ประธานบริษัททีวีบูรพา และทีมงาน ประธาน พชอ.อำเภอหัวตะพาน ผอ.รพ.หัวตะพาน ผช.ผอ.ธกส.อานาจเจริญ ผอ.ธกส.อาเภอหัวตะพาน กานัน ผู้ใหญ่บ้าน และเกษตรกรสมาชิกวิสาหกิจชุมชนโนนค้อทุ่ง รวม 240 ราย

คำกล่าวประกาศเจตนารมณ์

“ข้าพเจ้า.......ตระหนักถึงความสำคัญของพิษภัยที่เกิดจากการใช้สารเคมีในการทำเกษตรกรรม ที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะขอปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรกรรม ด้วยการลด ละ เลิกการใช้สารเคมีทุกชนิดในการทำการเกษตรกรรม การปศุสัตว์ และการปลูกพืชผักสวนครัวต่างๆ เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายและอุดมการณ์เดียวกัน คือ “อาเภอหัวตะพานเมืองเกษตรอินทรีย์” ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป...ข้าขอสัญญา ข้าขอสัญญา และข้าขอสัญญา...เฮ้.”

หลังจากนั้นในช่วงเวลา 11.00-12.30 น เป็นเสวนาเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสู่การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่ยั่งยืน โดยมีวิทยากรร่วมเสวนา ได้แก่ รศ.จุฑาทิพย์ ภัทราวาท ผู้อำนวยการสถาบันวิชาการด้านสหกรณ์ คุณอรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการโรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ คุณสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ประธานบริษัททีวีบูรพา จากัด คุณวิรัตน์ กลิ่นขจร นายอำเภอหัวตะพาน และคุณสุนทร พนาวงศ์ ผช.ผอ.ธกส.จังหวัดอานาจเจริญ โดยมีคุณอดุลย์ โคลนพันธ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมีข้อสรุปเกี่ยวกับความสาเร็จของกลุ่มวิสาหกิจในวันนี้ ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากกลุ่มข้าวสัจธรรมฯแยกตัวออกมาจากข้าวคุณธรรม โดยคุณอดุลย์และแกนนาได้มาขอคาปรึกษา รศ.จุฑาทิพย์ ภัทราวาท ที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุนในด้านวิชาการ และองค์ความรู้จากการดาเนินการวิจัยภายใต้โครงการวิจัย “การยกระดับมูลค่าเพิ่มข้าวหอมอินทรีย์ที่ผลิตโดยเกษตรกรรายย่อย” ระหว่างปี 2557-2560 ทำให้กลุ่มฯสามารถพัฒนาและก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ด้วยดี รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ทีวีบูรพา จำกัด ตลอดจนการช่วยเหลือสนับสนุนจากคุณอรุษ นวราชในการจัดหาช่องทางการตลาดกับเครือโรงแรมระดับ 5 ดาว

 

เวลา 13.30-14.30 น. เป็นพิธีเปิดฉางข้าวกลุ่มวิสาหกิจชุมชนร่วมใจโนนค้อทุ่ง โดยมีผอ.ธกส.ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นประธานเปิด ร่วมด้วยผช.ผอ.ธกส.จังหวัดอำนาจเจริญ ผอ.ธกส.อำเภอหัวตะพาน นายอำเภอหัวตะพาน ผู้อำนวยการสถาบันวิชาการด้านสหกรณ์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมสามพรานริ เวอร์ไซด์ ประธานบริษัท ทีวีบูรพา จากัด ทีมงาน กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และเกษตรกรสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนร่วมใจโนนค้อทุ่ง

เวลา 14.30-16.30 น. เวทีถอดบทเรียนเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโนนค้อทุ่ง นำโดย รศ.จุฑาทิพย์ ภัทราวาท คุณอรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการโรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ คุณสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ประธานบริษัททีวีบูรพา จากัด คุณวิรัตน์ กลิ่นขจร นายอาเภอหัวตะพาน คุณปรีดา ผอ.ธกส.อาเภอหัวตะพาน และอดุลย์ โคลนพันธ์ ร่วมถอดบทเรียนกับกลุ่มเกษตรกรถึงทิศทางของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนร่วมใจโนนค้อทุ่ง ที่กาลังเติบโตขึ้นจากความสาเร็จของความร่วมมือของหลายฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ เอกชน และชุมชน โดยมีข้อคิดที่ฝากไว้ในเวทีว่า ความสาเร็จของกลุ่มในวันนี้มาจากหลายฝ่าย และกลุ่มกาลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีคนที่อยากเข้ามาร่วมใหม่มากมายเพราะมองเห็นแต่ความสาเร็จของกลุ่ม แต่พวกเขาไม่รู้ถึงที่มาของความสาเร็จในวันนี้ว่า อุปสรรค ผ่านความล้มเหลวอะไรมาบ้าง ความสาเร็จของแต่ละคนที่มองเห็นนั้นเหมือนกันหรือไม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้กลุ่มต้องประสบปัญหาเช่นในอดีต จึงอยากให้ยึดถือระเบียบปฏิบัติ และเงื่อนไขของกลุ่มที่ได้กำหนดร่วมกัน

View:309